วธ. ปักหมุด เทศกาลนวราตรี 1 ปีมีครั้งเดียว ร่วมสืบสานเทศกาลแห่งการฉลองบูชาพระแม่อุมาเทวี ครั้งยิ่งใหญ่ เสริมสร้าง Soft Power ในมิติศาสนา
วันที่ 9 ตุลาคม 2567 เวลา 08.30 น. นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานในพิธีอภิเษกสมรสของพระแม่อุมาเทวีและพระศิวะ งานเทศกาลนวราตรี ประจำปี พ.ศ. 257 พร้อมด้วย ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้นำองค์การศาสนา ศาสนิกชน องค์กรเครือข่าย ประชาชน และสื่อมวลชน เข้าร่วมในพิธี ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้ดำเนินนโยบายร่วมกับองค์การศาสนา 5 ศาสนาจัดโครงการเทศกาลประเพณีทางศาสนา 5 ศาสนา ประกอบด้วย กิจกรรม “เสน่ห์วันวาน เทศกาลงานวัด” ของศาสนาพุทธ “วันอาซูรอสัมพันธ์” ของศาสนาอิสลาม “เทศกาลแห่ดาวคริสต์มาส” ของศาสนาคริสต์“เทศกาลนวราตรี”, “เทศกาลดิวาลี” ของศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และ “วันครบรอบ 555 ปี วันคล้ายวันประสูติคุรุนานักซาฮิบ องค์ปฐมศาสดา” ของศาสนาซิกข์ เพื่อส่งเสริม Soft Power ในมิติศาสนา 5 ศาสนา สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวและเทศกาลในมิติศาสนา เสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้มั่นคง และสร้างความเข้าใจอันดีต่อกันระหว่างศาสนิกชนส่งผลให้เกิดความสงบสันติสุขของสังคม ศาสนิกชนทุกศาสนาอยู่ร่วมกันด้วยความรักสามัคคีสืบต่อไป กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้ร่วมกับองค์การทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ในประเทศไทย ประกอบด้วย สำนักพราหมณ์ราชครู ในสำนักพระราชวัง สมาคมฮินดูสมาช สมาคมฮินดูธรรมสภา และวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) จัดงานเทศกาลนวราตรีระหว่างวันที่ 2 – 14 ตุลาคม 2567 ณ วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขกสีลม) แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยเทศกาลดังกล่าว เป็นช่วงเวลาที่ศาสนิกชนชาวฮินดูบูชาพระแม่อุมาเทวี จากความเชื่อตามตำนานที่พระแม่อุมาเทวี ได้ปราบอสูรที่ชื่อว่า “มหิษาสูร” ที่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายไปทั่ว เหล่าทวยเทพจึงอัญเชิญพระแม่อุมาเทวีในร่างอวตารเป็นองค์ “พระแม่ทุรคา” ซึ่งสู้รบกับมหิษาสูรตลอดทั้ง 9 วัน 9 คืน และปราบลงได้สำเร็จในวันที่ 10 ศาสนิกชนจึงได้จัดพิธีขึ้นเพื่อบูชาพระแม่อุมาเทวีในชัยชนะครั้งนี้ และในวันที่ 10 คือ วันสุดท้ายของเทศกาล เรียกว่า “วันวิชัยทศมิ” หรือ “วันรามนวมี” อันมีความหมายถึงวันเฉลิมฉลองในชัยชนะในคืนที่สิบซึ่งแสดงถึงธรรมะที่สามารถชนะอธรรม และการมีปัญญา ศาสนิกชนจะมีการนำเทวรูปพระแม่อุมาเทวีและเทวรูปอื่นๆ ขึ้นขบวนแห่ไปบนเส้นทางเพื่อรับบารมีจากองค์เทพในคืนนี้ ตลอดเทศกาลศาสนิกชนจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ ๆ สวยงาม เต้นรำ ร้องเพลง และเฉลิมฉลองกันตลอดทั้งวันทั้งคืน ทั้งนี้ ภายในงานดังกล่าว ยังมีการจัดกิจกรรมบูชาองค์เทพที่สำคัญของศาสนาพราหมณ์ - ฮินดู ที่เป็นที่เคารพนับถือของศาสนิกชน ประกอบด้วยกิจกรรมสำคัญซึ่งเป็นไปตามลำดับวันในพิธี ตามกำหนดการดังนี้ วันที่ 2 ต.ค. 67 เป็นวันก่อนเริ่มงานเทศกาลนวราตรี มีพิธีบูชาองค์พระพิฆเนศวร เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ตามคติฮินดูที่ว่า ก่อนเริ่มบูชาเทพทุกองค์ต้องเริ่มบูชาจากองค์พระพิฆเนศวรก่อนเสมอ ต่อมาในช่วงบ่ายถึงค่ำ เป็นพิธีบูชาเทพประจำแผ่นดิน และเทพแห่งดาวนพเคราะห์ทั้งเก้า เพื่อขอจัดงานนวราตรีประจำปี 2567 เมื่อกำหนดการทั้งหมดเสร็จสิ้น จะมีพิธีบูชาพระแม่ทั้ง 3 ตลอดทั้งวันเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว วันที่ 3 ต.ค. 66 เริ่มงานเทศกาลนวราตรี ประจำปี พ.ศ. 2567 มีพิธีอัญเชิญธงสิงห์ขึ้นเสา วันที่ 4 - 5 ต.ค. 67 พิธีบูชาองค์พระแม่มหาทุรคาเทวี เทพแห่งอำนาจ บารมี วันที่ 6 – 8 ต.ค. 67 พิธีบูชาองค์พระแม่มหาลักษมีเทวี เทพแห่งความมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญ ในวันที่ 9 ต.ค. 67 พิธีสยุมพรองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ เป็นพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพ ซึ่งจะมีการจัดรูปแบบของขบวนขันหมากและพิธีอภิเษกตามความเชื่อของศาสนาฮินดู โดยจัดเพียง 1 ครั้งในรอบปีเท่านั้น จึงเป็นพิธีกรรมที่ได้รับความสนใจจากศาสนิกชน และคู่รักหรือคู่ครองที่จะมาขอพรเพื่อการแต่งงาน และการสมหวังในความรัก โดยในปีนี้กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนาได้รับเชิญร่วมในพิธีการสำคัญนี้อีกด้วย และศาสนิกชนที่เข้าร่วมในพิธีอภิเษกสมรสขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวีและองค์พระศิวะมหาเทพจะได้ร่วมในขบวนแห่ขันหมาก ซึ่งประกอบด้วยขนมมงคลบนถาดบูชาสำหรับถวายองค์เทพ โดยเมื่อจบพิธีศาสนิกชนสามารถนำกลับไปรับประทานเพื่อสิริมงคลได้ วันที่ 10 ต.ค. 67 พิธีบูชาพระแม่มหาสรัสวตีเทวี เทพแห่งศิลปวิทยาการ พิธีบูชาองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี และองค์พระศิวะมหาเทพ วันที่ 11 ต.ค. 67 พิธีบูชาพระแม่มหาสรัสวตีเทวี เทพแห่งศิลปวิทยาการ ในวันที่ 12 ต.ค. 67 งานแห่วันวิชัยทัศมิ ประจำปี 2567 อีกหนึ่งพิธีกรรมที่ได้รับความสนใจอย่างมาก ถือเป็นการแห่เพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะขององค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ในภาคพระแม่ทุรคา ที่มีชัยต่อมหิษาสูร ตามตำนาน ซึ่งในขบวนแห่ดังกล่าว ประกอบด้วยรถแห่ จำนวน 8 ขบวน คือ ขบวนคนทรงองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี ขบวนคนทรงองค์พระขันธกุมาร ขบวนคนทรงองค์พระแม่กาลี ขบวนราชรถองค์พระพิฆเนศวร ขบวนราชรถองค์พระขันธกุมาร ขบวนราชรถองค์พระกฤษณะขบวนราชรถองค์พระกัตตวรายัน และขบวนราชรถองค์พระแม่ศรีมหาอุมาเทวี พระแม่มหาลักษมี และพระแม่มหาสรัสวตีโดยขบวนแห่เริ่มเคลื่อนออกจากวัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก สีลม) และวันที่ 14 ต.ค. 67 พิธีอัญเชิญธงสิงห์ลง และพิธีอาบน้ำคณะพราหมณ์และคณะคนทรง ซึ่งหลังจากเสร็จพิธีคณะพราหมณ์จะนำสายสิญจน์ที่ผ่านการทำพิธีตลอดทั้ง 10 วัน มาผูกข้อมือให้แก่สานุศิษย์ผู้ศรัทธา