-
เพชรอลาสก้า เข้าสู่ระบบ MALAMUTED
การประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ
-
การแลกเปลี่ยนคำสั่งซื้อใหม่
ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยแนวทางพิจารณาในการจัดตั้ง...
-
การแลกเปลี่ยนพอร์ทัลเกม
ระบบฐานข้อมูลพระกฐินพระราชทาน
-
การแลกเปลี่ยนบาซูคาโทเคน
รวมวีดีทัศน์ ศาสนพิธี
-
การแลกเปลี่ยนร้อย ETH
ศูนย์ข้อมูลกลางทางด้านศาสนา
-
จัดแสดงการแลกเปลี่ยน
ระบบฐานข้อมูลสื่อสิ่งพิมพ์
-
การแลกเปลี่ยน VERTCOIN
ระบบติดตามผลและประเมินผลโครงการ
-
แอป RKV
ระบบฐานข้อมูลห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ทางศาสนา
-
เข้าสู่ระบบ X เหรียญ
รวบรวมข่าวสารโครงการต่างๆที่เกี่ยว ข้องกับกรมการศาสนา
-
การแลกเปลี่ยนความสุข
รวบรวมหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยว ข้องกับกรมการศาสนา
-
การแลกเปลี่ยนสกอร์กี
จองใช้ห้องประชุม และห้องประชุมออนไลน์ ZOOM
-
การโอนเงินผ่าน COINBASE
คลังภาพรวมกิจกรรมต่าง ๆ
-
เข้าสู่ระบบมอสแลนด์
การประเมินความพึงพอใจในการ ใช้งานเว็บไซต์
-
การแลกเปลี่ยนแม่น้ำอเมซอน
ข้อมูลที่อยู่และช่องทางการติดต่อต่าง ๆ
-
-
เข้าสู่ระบบ MYCONSTANT
สำหรับออกหนังสือรับรอง ผู้เผยแพร่ศาสนาชาวต่างประเทศ
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๓๐ น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ เสด็จฯ เป็นองค์ประธานถวายผ้าพระกฐินแด่พระสงฆ์จำพรรษากาลถ้วนไตรมาส ประจำปี ๒๕๖๗ณ วัดธาราทิพย์ชัยประดิษฐ์ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ในส่วนของกรมการศาสนา นายศักดิ์เพชร ยานะแก้ว นักวิชาการศาสนา(ผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนิกสัมพันธ์) กล่าวรายงานจำนวนพระสงฆ์ และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติพิธี กรมการศาสนา ปฏิบัติหน้าที่ ณ วัดธาราทิพย์ชัยประดิษฐ์ อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567 เวลา 10.00 น. กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา จัดพิธีถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีสมเด็จพระมหาวชิรมังคลาจารย์ เจ้าคณะใหญ่ หนใต้ เจ้าอาวาสวัดกระพังสุรินทร์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมด้วยนายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา นายเศวต เพชรนุ้ย รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายไชยพร นิยมแก้ว รองผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานีนายวีรพัฒน์ บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าภาพกฐิน ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล คณะสงฆ์หนใต้ และวัดพระธรรมกาย ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ร่วมกันจัดโครงการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม ๒๕๖๗ โดยการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น จะได้นำไปถวายให้กับวัดพุทธในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 302 วัด ในจังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา จังหวัดนราธิวาส และจังหวัดปัตตานี ที่ตกค้างกฐิน ไม่มีเจ้าภาพกฐิน หรือบางวัดก็จัดเป็นทอดผ้าป่าเพื่อทำนุบำรุงวัดและเป็นกำลังใจให้กับพระสงฆ์ที่อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยสำนักงานพระพุทธศาสนาประจำจังหวัด ได้ทำการสำรวจวัดที่ต้องการความช่วยเหลือวัดที่ไม่มีเจ้าภาพในการทอดกฐิน ทั้งธรรมยุตและมหานิกาย ซึ่งมีพระสงฆ์ยังอยู่ในพื้นที่เนื่องจากเป็นวัดบ้านเกิด และมีความประสงค์ที่จะรักษาพระพุทธศาสนาให้อยู่ในแผ่นดินเกิด ซึ่งประเพณีการทอดกฐินของพุทธศาสนิกชนไทยมีมาช้านาน โดยมีทั้งพิธีหลวงและพิธีราษฎร์ โดยการถวายผ้าพระกฐินพระราชทานของพระมหากษัตริย์จัดเป็น พระราชพิธีที่สำคัญที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นพื้นที่ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบ มานานหลายปีทำให้มีวัดและที่พักสงฆ์จำนวนมากตั้งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย มีกฐินตกค้าง เพราะไม่มีผู้ใดรับเป็นเจ้าภาพกฐิน กระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งมีหน้าที่ทำนุบำรุง ศิลปะ ประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงาม และคณะ พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล นำโดยพระธรรมโพธิวงศ์ หัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย - เนปาล เจ้าอาวาสวัดไทยพุทธคยา พระวิเทศวัชราจารย์ เลขานุการหัวหน้าพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย – เนปาล ทำหน้าที่พระธรรมทูตเผยแผ่พระพุทธศาสนา เห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินการจัดโครงการถวายผ้ากฐินและผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ตลอดจนเพื่อเป็นการสืบสานวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของพุทธศาสนิกชนในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป ซึ่งจากการสำรวจพบว่า วัดที่จะรับการทอดถวายผ้ากฐิน จำนวน 3 วัด ถวายผ้ากฐินสมทบ จำนวน 11 วัด และถวายผ้าป่า จำนวน 288 วัด รวมทั้งสิ้น 302 วัด นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ยังได้จัดพิธีถวายผ้าพระกฐินพระราชทานประจำปี 2567 ณ วัดกะพังสุรินทร์ ตำบลทับเที่ยง อำเภอเมืองตรัง จังหวัดตรัง ในวันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน 2567 เวลา 14.00 น. เพื่อเป็นการส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้น้อมนำหลักธรรม และพิธีกรรม มาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน อันเป็นการส่งเสริมคุณธรรมและเห็นคุณค่าของวัฒนธรรมและพิธีกรรมที่ดีงาม รวมทั้งให้ประชาชนได้แสดงออกถึงความจงรักษ์ภักดีเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ร่วมใจกันทำบุญเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานราชการ องค์กร คณะสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนชาวไทย และสืบสาน อนุรักษ์ สืบทอดประเพณีการทอดผ้ากฐินซึ่งเป็นประเพณีวัฒนธรรมอันเป็นมรดกล้ำค่าในพระพุทธศาสนาและของประเทศชาติให้ยั่งยืนสืบไป
กรมการศาสนา ลงพื้นที่จัดเตรียมความพร้อม และซักซ้อมลำดับพิธีการถวายผ้ากฐิน และทอดผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ วันอังคารที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๔.๐๐ น. นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยคณะทำงาน ร่วมกับศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ และสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด สงขลา ลงพื้นที่จัดเตรียมความพร้อม และซักซ้อมลำดับพิธีการถวายผ้ากฐิน และทอดผ้าป่าพัฒนาวัดในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๗๒ พรรษา ๒๘ กรกฏาคม ๒๕๖๗ ในวันพุธที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐ น. ณ ศูนย์ปฏิบัติธรรมภาคใต้ ตำบลท่าช้าง อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา
วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๖๗ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดให้การบำเพ็ญกุศลถวาย สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ในดิถีคล้ายวันสิ้นพระชนม์ ปีที่ ๖๖ โดยมี นายสด แดงเอียด อดีตอธิบดีกรมการศาสนา เป็นประธานฝ่ายฆาราวาส ทั้งนี้อธิบดีกรมการศาสนา มอบหมายให้ นายธนพล พรมสุวงษ์ เลขานุการกรมการศาสนา เข้าร่วมในพิธีด้วย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาฝ่ายพิธี ปฏิบัติหน้าที่ ณ ณ อาคารฉลองพระชันษา ๑๐๐ ปี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก วัดบวรนิเวศวิหาร กรุงเทพมหานคร อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์
วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๕.๐๐ น. นายชัยพล สุขเอี่ยม อธิบดีกรมการศาสนาประชุมแนวทางการดำเนินงานกิจกรรมตามรอยเส้นทางธรรมแห่งศรัทธา โดยมีนายธีทัต พิมพา รองอธิบดีกรมการศาสนา พร้อมด้วยผู้บริหาร ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนา ณ ห้องประชุมกรมการศาสนา ชั้น ๒ อาคารวัฒนธรรมวิศิษฏ์ กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน “๔ วัด ๑ วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๔๕ น. นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานเปิดงาน “๔ วัด ๑ วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” จัดโดยกรมศิลปากร ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ณ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีท่านผู้หญิงสิริกิติยา เจนเซน นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายธีทัต พิมพา รองอธิบดีกรมการศาสนา ผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ผู้บริหารกรมศิลปากร หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วยองค์กรภาคีและเครือข่ายทางวัฒนธรรมและสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน ณ วัดพระราม อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ ก่อนพิธีเปิดงานฯ เวลา ๑๗.๐๐ น. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม ออกเดินทางด้วยรถไฟขบวนพิเศษจากสถานีบางปะอิน และแวะชมสถานที่สำคัญในเขตอำเภอบางปะอิน พร้อมทั้งร่วมถ่ายภาพแบบย้อนยุค ณ สถานีรถไฟบางปะอินหลังเดิมที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ ๕ โดยห้องภาพฉายานิติกร ทั้งนี้ งาน “๔ วัด ๑ วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” ชวนสัมผัสมนต์เสน่ห์วิถีไทยกรุงศรีอยุธยาช่วงต้นกรุงศรีฯ ในยุคที่รุ่งเรืองทั้งศิลปะ วัฒนธรรม และการค้าขาย วิถีชีวิต และเสน่ห์ไทยผ่านกิจกรรมการแสดง การละเล่น พร้อมทั้งการประดับไฟ Lighting Art Installation และ Projection Maping โบราณสถานอันทรงคุณค่าให้ได้เห็นความงดงามยามค่ำคืน ณ วัดไชยวัฒนาราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดพระราม และพระราชวังจันทรเกษม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับกิจกรรมไฮไลท์ อาทิ การประดับตกแต่งไฟ “๔ วัด ๑ วัง” ให้สวยงามยามค่ำคืน สัมผัสบรรยากาศที่มีมนต์เสน่ห์เมื่อครั้งต้นกรุงฯ ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เวลา ๑๘.๐๐ น. การฉายภาพเรื่องราวด้วยแสงสีอันวิจิตรตระการตา ณ วัดพระราม และวัดไชยวัฒนาราม การประกวดแมวไทยโบราณคืนถิ่นกรุงศรี - สืบสานตำนานแมวไทย ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ในวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ พิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ ณ วิหารหลวง วัดมหาธาตุ ในวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ การประกวดนางนพมาศ ประจำปี ๒๕๖๗ และยลโฉมสาวงามนางนพมาศแห่งกรุงศรี ในวันลอยกระทง ณ วัดพระราม นอกจากนี้ มีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและละเล่นไทยโบราณ เชิญชวนแต่งชุดไทยย้อนยุค พร้อมถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ภายใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความสวยงามของสถานที่ทางประวัติศาสตร์ยามค่ำคืน พร้อมเชิญชวนชิมอิ่มอร่อยจากการออกบูธอาหารจากทุกภูมิภาคตลอดการจัดงาน ทั้งนี้ ประชาชนสามารถร่วมเดินทางย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงต้นกรุงศรีอยุธยา พร้อมทั้งดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณสถานยามค่ำคืน ได้ที่งาน “๔ วัด ๑ วัง เมื่อครั้งต้นกรุงฯ” ภายใต้แนวคิด “ย้อนเวลา ส่องวิถี ปลุกแสงสี พระนครศรีอยุธยา” ระหว่างวันที่ ๙ - ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เวลา ๑๘.๐๐ น. เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดได้ที่เพจเฟซบุ๊กอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา Ayutthaya Historical Park